จีนกับการจัดประชุมษัฏภาคีรอบที่ 6 (19 – 22 มีนาคม,
27 – 30 กันยายน ค.ศ. 2007)
และการถอนตัวของเกาหลีเหนือใน ค.ศ. 2009
การประชุมษัฏภาคีรอบที่ 6 เริ่มต้นขึ้นในวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 2007 ณ เรือนรับรองเตี้ยวอวี๋ไถในกรุงปักกิ่ง โดยหัวหน้าคณะผู้แทนของจีน
เกาหลีเหนือ และสหรัฐอเมริกายังคงเป็นบุคคลเดิมเหมือนการประชุมรอบที่แล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆ
จนต้องพักการประชุมไปในวันที่ 22 มีนาคมของปีนั้นเนื่องจากเกาหลีเหนือยังคงยืนยันจุดยืนเดิมว่าจะต้องมีการแก้ไขปัญหากรณีธนาคารเดลตาเอเชียเสียก่อน
ทั้งนี้ในวันเปิดประชุมสหรัฐอเมริกายินดีให้คืนเงิน 24 ล้านเหรียญสหรัฐที่ถูกอายัดไว้โดยโอนเข้าบัญชีของเกาหลีเหนือที่เปิดไว้
ณ ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) แต่ธนาคารดังกล่าวลังเลที่จะโอนเงินเข้าบัญชีของเกาหลีเหนือด้วยเกรงว่าธนาคารของตนจะเสียอันดับความน่าเชื่อถือ
(credit rating) จนในที่สุดมีการโอนเงินให้แก่เกาหลีเหนือผ่านธนาคารดัลคอม
(Dalcombank) ของรัสเซียในกลางเดือนมิถุนายนของปีเดียวกัน[1] การคลี่คลายปัญหาดังกล่าวทำให้เกาหลีเหนือประกาศในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 2007 ว่ายินดีทำตามแถลงการณ์ร่วมที่ให้ไว้ในวันปิดการประชุมษัฏภาคีรอบที่
5 ต่อมาในวันที่ 14 กรกฎาคมของปีเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ของไอเออีเอก็เดินทางไปยังเกาหลีเหนือและออกมายืนยันในอีก 3 วันต่อมาว่าเกาหลีเหนือปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งหมดแล้ว การให้ความร่วมมือของเกาหลีเหนือทำให้หัวหน้าคณะผู้แทนของทั้ง
6 ประเทศที่มาประชุม ณ กรุงปักกิ่งช่วงวันที่ 18 – 20
กรกฎาคม ค.ศ. 2007 แถลงกับสื่อมวลชนว่ายินดีจัดหาน้ำมันเตาหนักให้แก่เกาหลีเหนือเพิ่มอีก
950,000 ตัน[2] และมีการจัดประชุมษัฏภาคีรอบที่ 6 อีกครั้งในช่วงวันที่
27 – 30 กันยายนของปีนั้นซึ่งได้ข้อตกลงร่วมกันว่าเกาหลีเหนือจะทำลายเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดภายในสิ้นเดือนธันวาคม
ค.ศ. 2007 โดยแลกกับการที่อีก 5 ประเทศที่เหลือจะจัดหาน้ำมันเตาให้แก่เกาหลีเหนือครบตามสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านั้น[3]
อย่างไรก็ตาม
บรรยากาศของความตึงเครียดได้กลับมาอีกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาที่ไปเยี่ยมชมโรงงานนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในเดือนพฤศจิกายน
ค.ศ. 2007 ได้นำชิ้นส่วนอะลูมิเนียมกลับมาตรวจในห้องทดลองแล้วได้ผลที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือยังคงดำเนินโครงการยูเรเนียมเสริมสมรรถนะอยู่
ซึ่งทำให้ต่างฝ่ายต่างละเลยที่จะดำเนินการตามข้อตกลงที่ให้ไว้ต่อกัน สถานการณ์ตึงเครียดมากยิ่งขึ้นในปีถัดมา
โดยในวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2008 โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาออกมาแถลงว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่ถอนชื่อของเกาหลีเหนือออกจากการเป็นประเทศผู้ก่อการร้ายจนกว่าจะมี
“ระบบและกลไกที่ตรวจสอบได้อย่างรัดกุม (strong verification regime)” ว่าเกาหลีเหนือจะทำลายอาวุธนิวเคลียร์และโครงการนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมด[4] ส่งผลให้ในเดือนต่อมาเกาหลีเหนือประกาศเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์อีกครั้งโดยไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของไอเออีเอเข้าไปตรวจสอบอีกต่อไป
และในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2009 เกาหลีเหนือได้ทดลองระบบขีปนาวุธเพื่อปล่อยดาวเทียมขึ้นสู่วงโคจร
ซึ่งเท่ากับละเมิดมติที่ 1718 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อ
ค.ศ. 2006 ที่ห้ามเกาหลีเหนือทดลองระบบขีปนาวุธหรืออาวุธนิวเคลียร์ใดๆ
อีก
จีนมีปฏิกิริยาต่อการปล่อยดาวเทียมของเกาหลีเหนืออย่างระมัดระวัง
โดยเมื่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้จัดการประชุมด่วนในบ่ายวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 2009 ซูซาน ไรซ์ (Susan Rice)
เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำองค์การสหประชาชาติที่เรียกร้องให้คณะมนตรีฯ “ดำเนินการร่วมกันอย่างแข็งขัน
(strong collective action)” ต่อเกาหลีเหนือ
อีกทั้งยังได้ประสานงานกับสหราชอาณาจักรฯ และเกาหลีใต้ในการร่างมติลงโทษเกาหลีเหนือเอาไว้แล้ว[5]
ตรงข้ามกับจางเย่สุ้ย (Zhang Yesui) เอกอัครราชทูตจีนประจำองค์การสหประชาชาติที่ขอให้คณะมนตรีฯ
มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างระมัดระวังและในระดับที่เหมาะสม (cautious and
proportionate)[6] ทำให้ในที่สุดคณะมนตรีฯ
จึงออกแต่เพียงแถลงการณ์ของประธาน (presidential statement) ในวันที่
13 เมษายนโดยเรียกร้องให้เกาหลีเหนือเคารพมติที่ 1718
และสนับสนุนให้ใช้การประชุมษัฏภาคีในการเจรจาแก้ไขปัญหา[7] แต่เกาหลีเหนือกลับมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงในวันรุ่งขึ้น
โดยประกาศถอนตัวจากการประชุมษัฏภาคีและประกาศด้วยว่าจะเดินหน้าโครงการนิวเคลียร์ต่อไป
การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นครั้งที่
2 ในวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2009
ทำให้จีนหันมาแสดงท่าทีกดดันเกาหลีเหนือมากยิ่งขึ้น โดยร่วมมือกับสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมติที่
1874 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนของปีนั้นเพื่อการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือเพิ่มเติม
ไม่ว่าจะเป็นการงดซื้อขายอาวุธทุกชนิดกับเกาหลีเหนือ (ยกเว้นอาวุธเบา)
การห้ามให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกาหลีเหนือ (ยกเว้นความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมและการพัฒนาในทางพลเรือน)
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงจุดยืนเดิมที่ไม่สนับสนุนการใช้มาตรการทางทหารกับเกาหลีเหนือโดยระบุว่าอธิปไตย
บูรณภาพแห่งดินแดน ข้อกังวลด้านความมั่นคงที่มีเหตุผล และสิทธิในการพัฒนาของเกาหลีเหนือในฐานะประเทศเอกราชและสมาชิกองค์การสหประชาชาตินั้นเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายควรให้ความเคารพ
และควรใช้การเจรจาเพื่อแก้ปัญหาอย่างสันติ[8] และแม้ว่าเกาหลีเหนือจะทำการทดลองยิงขีปนาวุธจำนวน 7
ลูกลงในทะเลญี่ปุ่นอีกเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคมของปีเดียวกัน
(ซึ่งตรงกับวันชาติสหรัฐอเมริกา) จีนก็ยังคงขอให้ทุกฝ่ายสงบนิ่งและมีความยับยั้งชั่งใจ[9] และในระหว่างการเยือนสหรัฐอเมริกาของสวีไฉโห้ว
(Xu Caihou) รองประธานกรรมาธิการทหารแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนตุลาคมของปีนั้น
โรเบิร์ต เกตส์ (Robert Gates) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาได้ถือโอกาสหารือเกี่ยวกับมาตรการที่จะใช้ในการรับมือกับเกาหลีเหนือ แต่สวีไฉโห้วตอบแต่เพียงสั้นๆ
ว่า “ขอบคุณสำหรับความเห็นของคุณเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ”[10] ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าจีนไม่สนับสนุนการใช้มาตรการทางทหารในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว
เวินเจียเป่า นายกรัฐมนตรีของจีนเยือนกรุงเปียงยางในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009
จะเห็นได้ว่านับตั้งแต่ ค.ศ. 2003 เป็นต้นมา จีนได้แสดงบทบาทสำคัญในการจัดประชุมไตรภาคีและษัฏภาคีเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์นิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือครั้งที่
2 ความหวาดระแวงซึ่งกันและกันระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐอเมริกาได้ทำให้การประชุมมีทั้งความคืบหน้าและการหยุดชะงักสลับกันไปหลายครั้งจนกระทั่งเกาหลีเหนือประกาศถอนตัวออกจากการประชุมในเดือนเมษายน
ค.ศ. 2009 และแม้ว่าในการเยือนเกาหลีเหนือของเวินเจียเป่า
นายกรัฐมนตรีของจีนในช่วงวันที่ 4 – 6 ตุลาคม ค.ศ. 2009
คิมจองอิลยังคงยืนยันว่าเกาหลีเหนือพร้อมจะกลับเข้าสู่การประชุมษัฏภาคีเมื่อการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐอเมริกามีความคืบหน้า[11] แต่จีนก็ไม่สามารถจัดการประชุมดังกล่าวได้อีกเลยตลอดยุคของคิมจองอิล
---------------------------------------
[1] “N. Korean money may be
transferred through bank outside China: chief envoy,” Yonhap News, 23 March
2007, available from
http://www.hani.co.kr/arti/english_edition/e_international/198452.html,
accessed 1 May 2014; “Frozen North Korean Funds Touch Down In Moscow,” Agence
France-Presse, 18 June 2007, available from
http://www.spacewar.com/reports/Frozen_North_Korean_Funds_Touch_Down_In_Moscow_999.html,
accessed 1 May 2014.
[2] Ding
Ying, “A Big Step to Denuclearization,” Beijing Review 50 (2 August
2007): 24-25.
[3] Ding Zhitao, “A Major Step Forward,” Beijing
Review 50 (11 October 2007): 10.
[4] Oberdorfer and Carlin, The Two Koreas, 429.
[5] “UN Security Council meets on DPRK rocket launch,”
Xinhua News Agency, 6 April 2009,
available from http://news.xinhuanet.com/english/2009-04/06/content_11136566.htm,
accessed 1 May 2014.
[6] Ibid.
[7] “UN Security Council Statement on N. Korea,” Reuters,
14 April 2009, available from http://in.reuters.com/article/2009/04/13/korea-north-un-text-idINN1333144920090413,
accessed 1 May 2014.
[8] “Security Council, acting unanimously, condemns in
strongest terms Democratic People’s Republic of Korea nuclear test, toughens
sanctions,” UN News Centre, 12 June 2009, available from http://www.un.org/News/Press/docs//2009/sc9679.doc.htm,
accessed 1 May 2014.
[9] “China hope relevant sides of Korea nuke issue remain
calm, restraint,” Xinhua News Agency, 5 July 2009, available from
http://news.xinhuanet.com/english/2009-07/05/content_11655220.htm, accessed 1
May 2014.
[10] Robert. M. Gates, Duty: memoirs of a Secretary at
war (New York, NY: Alfred A. Knof, 2014), 414.
[11] Yan Wei, “Reopening the Door to Talks,” Beijing
Review 52 (15 October 2009): 8-9.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น