จีนกับการจัดประชุมษัฏภาคีรอบที่ 4 (26 กรกฎาคม – 7
สิงหาคม, 13 – 19 กันยายน ค.ศ. 2005)
การประชุมษัฏภาคีรอบที่
4 เริ่มขึ้นในวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 2005
ณ เรือนรับรองเตี้ยวอวี๋ไถในกรุงปักกิ่ง โดยมีแต่หัวหน้าคณะผู้แทนของเกาหลีเหนือและรัสเซียเท่านั้นที่ยังคงเป็นบุคคลเดิมเหมือนการประชุมรอบที่แล้ว
ส่วนหัวหน้าคณะผู้แทนของประเทศอื่นๆ นั้นเป็นคนใหม่ซึ่งประกอบไปด้วย ซงมินซูน (Song
Min Soon) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าของเกาหลีใต้
คริสโตเฟอร์ ฮิลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา
ซาเซเอะ เคนิริโระ (Sasae Kenichiro) รองอธิบดีกรมเอเชียและโอเชียเนียของญี่ปุ่น
และอู่ต้าเหว่ย (Wu Dawei) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนผู้มาทำหน้าที่แทนหวังอี้ที่ย้ายไปเป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำญี่ปุ่น
ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐอเมริกาในที่ประชุมมีสองเรื่องสำคัญ
ได้แก่ (1) ขอบเขตของคำว่า “การปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์” ซึ่งสหรัฐอเมริกาต้องการให้คำนี้หมายรวมถึงโครงการยูเรเนียมเสริมสมรรถนะของเกาหลีเหนือ
ขณะที่เกาหลีเหนือปฏิเสธการมีอยู่ของโครงการดังกล่าว และ (2)
การใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
ซึ่งเกาหลีเหนือถือว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมของรัฐเอกราช ขณะที่สหรัฐอเมริการะบุว่าจะยอมเจรจาเรื่องการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติก็ต่อเมื่อเกาหลีเหนือยอมทำลายอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด
ยอมกลับเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ และยอมรับการตรวจสอบจากไอเออีเอเสียก่อน[1] ดังนั้นสหรัฐอเมริกา
(รวมทั้งญี่ปุ่น) จึงต้องการให้ในวันปิดประชุมมีแถลงการณ์ร่วมที่ระบุว่าเกาหลีเหนือจะต้องไม่ยกเลิกแต่เฉพาะ
“โครงการอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมด (all the nuclear weapons programs)” เท่านั้น หากแต่จะต้องยกเลิก “โครงการนิวเคลียร์ทั้งหมด (all the
nuclear programs)” อีกด้วย[2] ท่าทีเช่นนี้ของสหรัฐอเมริกาทำให้เกาหลีเหนือต้องต่อรองโดยหยิบยกเรื่องการจัดสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลเบาที่สหรัฐอเมริกายังติดค้างเกาหลีเหนืออยู่ตามกรอบความตกลงเมื่อ
ค.ศ. 1994 มาพูดอีกครั้งหนึ่งโดยระบุว่าถ้าสหรัฐอเมริกาจัดหาสิ่งดังกล่าวให้แก่เกาหลีเหนือได้ก็ถือเป็น
“เครื่องพิสูจน์ทางกายภาพของการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกัน (physical
proof of confidence-building)”[3] ข้อเรียกร้องเช่นนี้เป็นสิ่งที่คริสโตเฟอร์
ฮิลล์ไม่สามารถให้คำตอบได้ในทันที ทำให้ต้องพักการประชุมชั่วคราวในวันที่ 7 สิงหาคมเพื่อให้ผู้แทนของสหรัฐอเมริกากลับไปปรึกษาหารือกับรัฐบาลของตนเสียก่อน
โดยตกลงกันว่าทุกฝ่ายจะกลับมาประชุมกันอีกในสัปดาห์ที่เริ่มต้น ณ วันที่ 29
สิงหาคม
เป็นที่น่าสังเกตว่าในระหว่างการประชุมษัฏภาคีรอบนี้
จีนพยายามเอาใจใส่ความรู้สึกของเกาหลีเหนือเป็นพิเศษเพื่อให้การประชุมมีความคืบหน้า
ดังที่เมื่อสหรัฐอเมริกายื่นร่างแถลงการณ์ร่วมที่ผ่านการปรึกษาหารือกับญี่ปุ่นและเกาหลีใต้มาให้จีนพิจารณา
จีนก็อาศัยสถานะเจ้าภาพในการลบคำบางคำที่อาจสร้างความระคายเคืองให้แก่เกาหลีเหนือออกไปจากร่างแถลงการณ์ดังกล่าว
เช่นคำว่า “สิทธิมนุษยชน (human rights)”
“ประเด็นด้านมนุษยธรรม (humanitarian issues)” “ระบบก่อการร้าย
(terrorism)” เป็นต้น[4] และเมื่อสหรัฐอเมริกาประกาศระหว่างพักการประชุมว่าจะจัดการซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ช่วงวันที่
22 สิงหาคม – 2 กันยายน ค.ศ. 2005
จนทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจและมีความเป็นไปได้อย่างมากกว่าจะไม่มีการประชุมตามที่ตกลงกันไว้
อู่ต้าเหว่ยก็เดินทางเยือนกรุงเปียงยางในวันที่
27 สิงหาคมของปีนั้นเพื่อพบกับแปกนัมซุน (Paek Nam
Sun) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือและรัฐมนตรีช่วยอีกสองคน
คือ คิมคีกวานและคิมยองอิล[5] แม้ทางการจีนจะไม่เปิดเผยรายละเอียดของการสนทนา
แต่เมื่ออู่ต้าเหว่ยเดินทางกลับกรุงปักกิ่งในวันที่ 29 สิงหาคม
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือก็ประกาศในวันเดียวกันว่าฝ่ายตนยินดีกลับเข้าประชุมษัฏภาคีในสัปดาห์ที่เริ่มต้น
ณ วันที่ 12 กันยายน [6] เรื่องนี้สะท้อนบทบาทของจีนในการทำให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจาได้เป็นอย่างดี
คณะผู้แทนของแต่ละประเทศกลับมาเริ่มประชุมษัฏภาคีรอบที่
4 อีกครั้งในวันที่ 13 กันยายน ค.ศ. 2005
โดยฝ่ายจีนเสนอร่างแถลงการณ์ร่วมที่แก้ไขใหม่ให้ที่ประชุมพิจารณา ประเด็นสำคัญในร่างดังกล่าวได้แก่
(1) การแก้ไขคำจากเดิมที่ระบุว่าเกาหลีเหนือจะต้องยกเลิก
“อาวุธนิวเคลียร์และโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมด (all nuclear weapons and
nuclear programs)” เปลี่ยนเป็น
“อาวุธนิวเคลียร์และโครงการนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมด (all nuclear
weapons and existing nuclear programs)” ซึ่งการที่จีนใส่คำว่า
“ที่มีอยู่” (existing) ลงไปนั้นเป็นคำร้องขอของเกาหลีเหนือที่ต้องการสื่อความว่าตนเองยินดียกเลิกโครงการนิวเคลียร์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
แต่ขอรักษาไว้ซึ่งสิทธิในการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ในอนาคตหากมีความจำเป็น และ (2)
การเพิ่มเติมข้อความที่ระบุว่าเกาหลีเหนือมีสิทธิในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
และประเทศอื่นๆ ที่ร่วมเจรจานั้นยินดีจะหารือเกี่ยวกับการจัดสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลเบาให้แก่เกาหลีเหนือ
“ในเวลาที่เหมาะสม” (at an appropriate time)[7]
ร่างแถลงการณ์ร่วมของจีนได้รับเสียงสนับสนุนจากรัสเซียและเกาหลีใต้
ขณะที่สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นต้องการให้ตัดเรื่องการจัดสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลเบาออกไป
แต่เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมรวมทั้งการกดดันจากจีนทำให้สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นก็ยอมตกลงตามร่างแถลงการณ์นี้ในที่สุด
อย่างไรก็ดี คริสโตเฟอร์ ฮิลล์ได้กล่าวถึงนิยามของคำว่า “เวลาที่เหมาะสม” ในมุมมองของฝ่ายอเมริกันว่าหมายถึงเมื่อเกาหลีเหนือทำลายอาวุธนิวเคลียร์และโครงการนิวเคลียร์ทั้งหมดโดยปฏิบัติตามสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์และยอมรับการตรวจสอบจากไอเออีเอแล้วเท่านั้น[8]การประชุมจึงปิดฉากลงในวันที่
19 กันยายนของปีนั้นโดยมีความคืบหน้ามากยิ่งขึ้น ดังแถลงการณ์ร่วมซึ่งมีใจความสำคัญว่า
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีจะทำลายอาวุธนิวเคลียร์และโครงการนิวเคลียร์ที่มีอยู่ทั้งหมด
และจะกลับเข้าร่วมสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์และข้อตกลงพิทักษ์ความปลอดภัยของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศในเร็ววัน
... สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีถือว่าตนเองมีสิทธิในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ
ซึ่งฝ่ายอื่นๆ
ก็เคารพสิทธิดังกล่าวและยินดีจะหารือเกี่ยวกับการจัดสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบน้ำมวลเบาให้แก่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลีในเวลาที่เหมาะสม[9]
ทางการจีนยินดีกับความสำเร็จในการจัดประชุมษัฏภาคีรอบที่
4 ค่อนข้างมาก ถังเจียเสวียน
มุขมนตรีที่ดูแลด้านการต่างประเทศของจีนได้ออกมาชื่นชมแถลงการณ์ร่วมในครั้งนี้โดยระบุว่าเป็น
“เอกสารที่สมดุล ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย และสร้างสรรค์ (a balanced, win-win
and constructive document)”[10]
และหูจิ่นเทาก็ยินดีเดินทางเยือนกรุงเปียงยางอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 28
– 30 ตุลาคม ค.ศ. 2005 ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนเกาหลีเหนือในฐานะประธานาธิบดีและเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นครั้งแรกหลังจากที่คิมจองอิลเคยพยายามเชิญมาแล้วในระหว่างเดินทางเยือนจีนเมื่อเดือนเมษายน
ค.ศ. 2004[11] โดยหูจิ่นเทาตกลงมอบความช่วยเหลือแก่เกาหลีเหนือคิดเป็นมูลค่า
2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ[12] การเดินทางเยือนเกาหลีเหนือของผู้นำระดับสูงสุดของจีนในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นการตอบแทนเกาหลีเหนือที่ให้ความร่วมมือกับจีนจนทำให้การประชุมษัฏภาคีรอบที่
4 มีความคืบหน้า
---------------------------------------
[1] Funabashi, The Peninsula Question, 379.
[2] Ibid., 382.
[3] Ibid., 383.
[4] Ibid, 381.
[5] “Parties keep working on DPRK nuclear talks,”
Xinhuanet, 29 August 2005, available from http://news.xinhuanet.com/english/2005-08/29/content_3416877.htm,
accessed 22 April 2014.
[6] “DPRK to stay away from 2nd phase of nuke
talks,” Xinhuanet, 29 August 2005, available from http://news.xinhuanet.com/english/2005-08/29/content_3420406.htm,
accessed 22 April 2014.
[7] Funabashi, The Peninsula Question, 385.
[8] “North Korea -- U.S. Statement (September 19, 2005),”
U.S. Department of State Archive, available from
http://2001-2009.state.gov/r/pa/prs/ps/2005/53499.htm, accessed 23 April 2014.
[9] “Joint Statement of the Fourth
Round of Six-Party Talks, Beijing, 19 September 2005,” U.S. Department of
State, available from http://www.state.gov/p/eap/regional/c15455.htm, accessed
23 April 2014.
[10] Ding Ying, “Making A Statement,” Beijing Review
48 (29 September 2005): 10.
[11] Ni Yanshuo, “Neighbor Relations,” Beijing Review
48 (10 November 2005): 10.
[12]
Yongho Kim, North Korean Foreign Policy, 150.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น