วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ปักกิ่งปะทะฮาวานา: ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับคิวบาช่วง ค.ศ. 1964 – 1995 (ตอนที่ 4 ความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนกับคิวบาในต้นทศวรรษ 1960)


           ต้นทศวรรษ 1960 ถือได้ว่าเป็นช่วงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับคิวบาอย่างแท้จริง โดยในทางการเมือง จีนแสดงออกชัดเจนว่าสนับสนุนจุดยืนของคิวบาในการต่อต้านสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อสหรัฐฯ พยายามบุกอ่าวหมูเพื่อล้มรัฐบาลของฟิเดล คาสโตรในกลางเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 เอกอัครรัฐทูตจีนประจำกรุงฮาวานาได้เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ในสถานทูตให้ร่วมเป็นร่วมตายกับคิวบา[1] ขณะที่ทางการจีนได้ออกแถลงการณ์ประณามสหรัฐฯ ในวันที่ 20 เมษายน[2] และในวันถัดมาที่กรุงปักกิ่งก็มีการการระดมมวลชนกว่า 100,000 คนเพื่อแสดงพลังสนับสนุนคิวบา[3] จีนจัดการระดมมวลชนลักษณะดังกล่าวอีกครั้งเพื่อตอบโต้การที่ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ เคนเนดี (John F. Kennedy) แห่งสหรัฐฯ สั่งปิดล้อมคิวบาในวิกฤตการณ์ขีปนาวุธช่วงปลายเดือนตุลาคม ค.ศ. 1962 (ดูภาพประกอบ) โดยเผิงเจิน (Peng Zhen) เลขาธิการพรรคประจำกรุงปักกิ่งได้กล่าวสุนทรพจน์ ณ มหาศาลาประชาชนซึ่งระบุว่า การคุกคามของลัทธิจักรวรรดินิยมอเมริกันต่อคิวบานั้นถือเป็นการคุกคามประชาชนจีนไปด้วย[4] 






ทหารบ้าน (militia) ในกรุงปักกิ่งเดินมุ่งหน้าไปยังสถานทูตคิวบา
เพื่อแสดงพลังสนับสนุนในต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1962

                          ที่มาของภาพ: Peking Review, 9 November 1962, 10.







            ในทางเศรษฐกิจ จีนส่งออกสินค้าจำพวกข้าว ถั่วเหลือง น้ำมัน เนื้อสัตว์กระป๋อง เคมีภัณฑ์ และอุปกรณ์เครื่องกลไปยังคิวบา ขณะที่คิวบาส่งออกน้ำตาล แร่นิเกิล และแร่ทองแดงไปยังจีน ปริมาณการค้าระหว่างสองฝ่ายใน ค.ศ. 1965 คิดเป็นมูลค่า 224 ล้านเปโซ (ดูตารางที่ 1) หรือเท่ากับร้อยละ 14 ของปริมาณการนำเข้าและส่งออกของคิวบาทั้งหมด และทำให้จีนกลายเป็นคู่ค้าอันดับสองของคิวบารองจากสหภาพโซเวียต[5] นอกจากนี้ จีนยังให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่คิวบาอีกด้วย โดยในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1960 จีนทำข้อตกลงให้เงินกู้แบบไม่คิดดอกเบี้ยแก่คิวบาตั้งแต่ ค.ศ. 1961 ถึง ค.ศ. 1965 เป็นมูลค่า 240 ล้านรูเบิล[6] และใน ค.ศ. 1965 จีนยังตกลงให้เงินกู้แก่คิวบาอีกก้อนหนึ่งคิดเป็นมูลค่า 22.8 ล้านเปโซเพื่อช่วยแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าที่คิวบามีต่อจีน[7] สำหรับความช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมนั้น เมื่อคิวบาประสบพายุเฮอร์ริเคนในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1963 จนเกิดความเสียหายกว่าครึ่งประเทศ จีนก็ได้ส่งของไปช่วยเหลือคิดเป็นมูลค่า 70 ล้านหยวน โดยเป็นน้ำตาล 5,000 ตัน เนื้อหมู 3,000 ตัน และเวชภัณฑ์อื่นๆ[8] ข้อที่น่าสังเกตก็คือ การค้าและความช่วยเหลือเหล่านี้เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ในต้นทศวรรษ 1960 จีนเองก็ประสบกับปัญหาขาดแคลนอาหารอันเป็นผลมาจากความล้มเหลวของนโยบายก้าวกระโดด (The Great Leap Forward) จนมีผู้คนอดอยากจนล้มตายไปกว่า 20 ล้านคน



ตารางที่ 1
ปริมาณการค้าระหว่างจีนกับคิวบาช่วง ค.ศ. 1961 – 1965
(หน่วย: ล้านเปโซ)
 

ค.ศ.

จีนส่งออกไปคิวบา

คิวบาส่งออกไปจีน

รวมมูลค่า

1961

108.00

98.00

206.00

1962

62.00

80.00

142.00

1963

77.61

70.77

148.38

1964

95.11

81.11

176.22

1965

127.00

97.00

224.00
ที่มาของตาราง: Peking Review, 4 February 1966, 15.






ขณะเดียวกัน คิวบาก็ได้ตอบแทนมิตรภาพและความช่วยเหลือจากจีน โดยในต้นทศวรรษ 1960 มีการรับนักศึกษาจีน 100 กว่าคนไปศึกษาภาษาสเปนในคิวบา และมียังการส่งครูสอนภาษาสเปนมาทำงานในจีนอีกด้วย[9] และที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คิวบาแสดงออกชัดเจนว่าสนับสนุนให้จีนเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติแทนที่ไต้หวัน โดยตั้งแต่ ค.ศ. 1960 เป็นต้นมา คิวบาได้ลงมติสนับสนุนเมื่อมีการนำร่างมติเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งองค์การดังกล่าว และได้อธิบายเหตุผลอย่างชัดเจนในสุนทรพจน์ของฟิเดล คาสโตร ณ ที่นั้นเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1960 ความตอนหนึ่งว่า

 

จีนคิดเป็นหนึ่งในสี่ของประชากรโลก รัฐบาลใดเป็นผู้แทนที่แท้จริงของประชากรที่มากที่สุดในโลก? ไม่มีรัฐบาลใดอื่นอีกแล้วนอกจากรัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ทว่า ยังคงมีการรักษาที่นั่งของอีกกลุ่มหนึ่งเอาไว้ในสงครามกลางเมืองที่สะดุดลงเพราะมีกองเรือที่เจ็ดของสหรัฐอเมริกาเข้ามาแทรกแซง เราขอถามหน่อยเถิดว่ากองเรือของประเทศหนึ่ง แถมเป็นประเทศที่อยู่ต่างทวีป มีสิทธิ์อะไรมาแทรกแซงเรื่องที่เป็นกิจการภายในล้วนๆ ของจีน เราอยากฟังคำอธิบายเรื่องนี้อย่างมาก การทำเช่นนี้มีจุดประสงค์เพื่อรักษาอีกกลุ่มหนึ่งที่อยู่ฝั่งตัวเองเอาไว้และขัดขวางการปลดแอกประเทศจีนทั้งหมด นี่คือจุดยืนที่งี่เง่าและผิดกฎหมาย และเป็นเหตุผลว่าทำไมสหรัฐอเมริกาไม่ต้องการให้นำเรื่องผู้แทนของสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาอภิปรายกันที่นี่ เราขอแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่า เราสนับสนุนการอภิปรายเรื่องดังกล่าวและสนับสนุนการให้ที่นั่งแก่ผู้แทนที่แท้จริงของประชาชนจีนในองค์การสหประชาชาติ[10]

           

            ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับคิวบาในระดับผู้นำช่วงต้นทศวรรษ 1960 ก็ดำเนินไปด้วยดีเช่นกัน ดูได้จากการเดินทางเยือนกันและกันหลายครั้ง โดยฝ่ายคิวบานั้น เช เกวาราในฐานะประธานธนาคารแห่งชาติเดินทางเยือนจีนเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1960 โดยได้พบปะกับเหมาเจ๋อตงและกล่าวว่าประสบการณ์การปฏิวัติของจีนอันยาวนาน 22 ปีนั้นถือว่ามีค่ามากสำหรับประชาชนชาวคิวบา[11] และการสร้างความเป็นพันธมิตรระหว่างกรรมกรกับชาวนาของจีนนั้นก็ช่วยชี้แนะแนวทางข้างหน้าสำหรับลาตินอเมริกาได้เป็นอย่างดี[12] ต่อมาในเดือนกันยายน ค.ศ. 1961 ออสวัลโด ดอร์ติคอส ทอร์เรโด (Osvaldo Dorticos Torrado) ประธานาธิบดีของคิวบาเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการและออกแถลงการณ์ร่วมกับหลิวเส้าฉี (Liu Shaoqi) ประธานาธิบดีของจีนเพื่อต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมและผดุงสันติภาพของโลก[13] ส่วนฟิเดล คาสโตรแม้จะยังไม่ได้เดินทางเยือนจีน แต่เขาก็ไปรับประทานอาหาร ณ สถานทูตจีนในกรุงฮาวานาเป็นอยู่ประจำ[14] สำหรับฝ่ายจีน กัวม่อรั่ว (Guo Moruo) รองประธานสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติเดินทางเยือนกรุงฮาวานาในเดือนมกราคม ค.ศ. 1961 เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสครบ 2 ปีของการปฏิวัติคิวบา ส่วนโจวเอินไหลได้ยกภาษิตโบราณที่ว่า “สิ่งที่ได้มาง่ายนั้นไร้ค่า มิตรภาพต่างหากหนาที่เป็นสิ่งหายาก (อี้ฉิวอู๋เจี้ยเป่า หนานเต๋อโหย่วซินเหริน)” มาฉายภาพให้เห็นความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนกับคิวบา[15] และใน ค.ศ. 1964 เขาตอบรับคำเชิญของฟิเดล คาสโตรเพื่อไปเยือนกรุงฮาวานาในเดือนธันวาคมของปีนั้น[16] แต่แล้วความตึงเครียดที่ก่อตัวขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในปลาย ค.ศ. 1964 ทำให้ต้องยกเลิกกำหนดการที่วางเอาไว้


------------------------------------------

[1] หวงจื้อเหลียง, เรื่องเดียวกัน, 88-89.
[2] Peking Review, 21 April 1961 (Supplement).
[3] จูเสียงจง, เรื่องเดียวกัน, 11-12.
[4] Peking Review, 2 November 1962, 3-4.
[5] He Li, Sino-Latin American Economic Relations (New York: Preager, 1991), 25.
[6] Home News Agency Library of the Xinhua News Agency, China’s Foreign Relations: A Chronology of Events (1949-1988) (Beijing: Foreign Languages Press, 1989), 515-516.
[7] He, ibid., 25.
[8] จูเสียงจง, เรื่องเดียวกัน, 12.
[9] สวีซื่อเฉิง, เรื่องเดียวกัน, 294.
[10] Fidel Castro, Speech at the United Nations, General Assembly session, September 26, 1960 (New York: Fair Play for Cuba Committee, 1960), 28.
[11] นับจาก ค.ศ. 1927 อันเป็นปีที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนล้มเหลวในยุทธศาสตร์การปฏิวัติในเขตเมืองจนนำไปสู่การตั้งฐานที่มั่นในชนบท ไปจนถึง ค.ศ. 1949 อันเป็นปีที่พรรคยึดอำนาจรัฐได้สำเร็จ  
[12] Peking Review, 22 November 1960, 10.
[13] Peking Review, 6 October 1961, 9-11.
[14] หวงจื้อเหลียง, เรื่องเดียวกัน, 86-87.
[15] จูเสียงจง, เรื่องเดียวกัน. 13.
[16] หยุนสุ่ย, เรื่องเดียวกัน, 84.

ไม่มีความคิดเห็น: